อีสานเผชิญ 'สังคมสูงวัย' : คนทำงานระดมสมองสร้าง 'กลไก-คน' แก้วิกฤตผู้สูงอายุ
เขียนโดย ประภัสสุทธ| 16 Oct 2025| 13 views
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์การเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีจำนวนผู้สูงอายุมากเป็นอันดับสองของประเทศ และผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านสุขภาพกาย สภาพจิตใจ รวมถึงการขาดผู้ดูแล เนื่องจากลูกหลานออกไปทำงานต่างจังหวัด ภาวะที่ผู้สูงอายุโดดเดี่ยวหรือต้องพึ่งพิงผู้อื่นจึงกลายเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข
ล่าสุด คณะทำงานสังคมสูงวัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพระบบและกลไกเชื่อมประสานภาคีสุขภาวะ ได้ร่วมกันประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อหาแนวทางยกระดับการดูแลผู้สูงอายุอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
" ปัจจุบัน สถานการณ์ผู้สูงอายุก็คือผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในต่างประเทศ และรวมถึงประเทศไทย ซึ่งภาคอีสานของเราถ้าดูแล้วเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ มันก็จะมีหลากหลายในบริบทของพื้นที่ในการดูแลที่แตกต่างกัน บางทีมีผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว ลูกหลานไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด ซึ่งก็จะเป็นปัญหาที่เราก็ต้องมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน " ดร.พัชราพร ควรรณสุ ผู้ประสานงานประเด็นสังคมสูงวัย ย้ำถึงสถานการณ์ปัญหาที่ผู้สูงวัยกำลังเผชิญอยู่
ถอดบทเรียนจากพื้นที่สู่การสร้างนโยบายสาธารณะ
ในการประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา คณะทำงานได้มีการนำเสนอภาพรวมของโครงการ และใช้เครื่องมือทางวิชาการเพื่อวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการของเครือข่ายผู้ทำงานด้านผู้สูงอายุในพื้นที่ ข้อมูลจากการสำรวจด้วย Google Sheet จากกลุ่มผู้ทำงาน 30 คน แสดงให้เห็นว่าประเด็นสำคัญที่ต้องการพัฒนาคือ การหาแหล่งทุนสนับสนุน และ การบริหารจัดการโครงการ จากผลการวิเคราะห์ดังกล่าว ทีมจึงได้วางแผนที่จะจัดอบรม 2 หลักสูตร ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออนไซต์ภายในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยเนื้อหาจะครอบคลุมตั้งแต่การบริหารจัดการ การใช้เทคโนโลยี ไปจนถึงการพัฒนาภาวะผู้นำ เพื่อให้บุคลากรมีศักยภาพเพียงพอที่จะขับเคลื่อนงานในพื้นที่ นอกจากนี้ ทีมยังเตรียมลงพื้นที่เพื่อถอดบทเรียนจาก 3 พื้นที่ต้นแบบในภาคอีสานที่มีความโดดเด่นและน่าสนใจ ได้แก่ โครงการกุฏิชีวาภิบาล (ขอนแก่น) ต้นแบบการดูแลพระสงฆ์และผู้สูงอายุในระยะสุดท้าย สมาคมผู้สูงอายุ (ชัยภูมิ) เป็นกรณีศึกษาถึงปัจจัยที่ทำให้องค์กรมีความยั่งยืน นวัตกรรม 3D (นครพนม) โมเดลที่ส่งเสริมให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมดูแลผู้สูงอายุ
" พื้นที่ถอดบทเรียนของเรา ที่วางแผนกันไว้มีอยู่ 3 พื้นที่หลักคือ พื้นที่ขอนแก่น ที่เกี่ยวกับกุฏิชีวาภิบาล ซึ่งดูแลพระสงฆ์ที่ป่วยเป็นระยะสุดท้าย และรองรับการดูแลผู้สูงอายุในระยะพึ่งพิง พื้นที่ที่สองคือ สมาคมผู้สูงอายุของชัยภูมิ ที่มีประสบการณ์ทำงานเยอะเพราะทำมานาน สิ่งที่อยากรู้คือกระบวนการที่ทำให้สมาคมนี้มีความยั่งยืน โดยเราจะถอดกระบวนการขับเคลื่อนงานดูแลผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง เพื่อดูว่ากระบวนการไหนที่ทำให้ชมรมยั่งยืนมาจนถึงปัจจุบัน พื้นที่ที่สามคือ อบต. พระซอง ของจังหวัดนครพนม ซึ่งทำเรื่องนวัตกรรม 'เด็กดี' ที่เอาเด็กเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลผู้สูงอายุ เราอยากถอดบทเรียนเรื่องการเอาเด็กมามีส่วนร่วม เพราะเรามองว่าประเด็นสังคมสูงวัยไม่ได้มองแค่ผู้สูงอายุอย่างเดียว แต่จะมองทุกกลุ่มวัยที่สามารถดูแลผู้สูงอายุในระยะยาวได้ "
ดร.พัชราพร ควรรณสุ : ผู้ประสานงานประเด็นสังคมสูงวัย
บูรณาการการทำงาน สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน
จากปัญหาที่พบคือ ขาดการทำงานร่วมกันเป็นภาคีเครือข่ายที่หลากหลาย ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความยั่งยืน คณะทำงานจึงมีเป้าหมายที่จะนำบทเรียนจากทั้ง 3 พื้นที่นี้มาสังเคราะห์และ ร่างเป็นนโยบายสาธารณะ จากนั้นจะส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณา ก่อนที่จะนำเสนอต่อเวทีภาคีเครือข่าย 30 แห่ง เพื่อแลกเปลี่ยนและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของนโยบาย
หัวใจสำคัญในการผลักดันนโยบายไปสู่การปฏิบัติคือ การบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญ เช่น คณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน (กขป.เขต 8) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ การเชื่อมโยงนี้จะช่วยให้สิ่งที่คณะทำงานได้ลงมือทำ เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและสามารถขยายผลได้ในวงกว้าง
“ เมื่อเราถอดบทเรียนมาแล้ว เราจะนำสิ่งที่ได้มา ร่างเป็นนโยบายสาธารณะ และส่งให้ผู้เชี่ยวชาญดู จากนั้นจะจัดประชุมเวทีพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายโดยมีภาคีเครือข่าย 30 แห่งเข้าร่วม เพื่อทำให้ข้อเสนอของเราแข็งแกร่งขึ้น แล้วจึงจะนำไปเผยแพร่เป็นรูปเล่มต่อไป ”
“ นโยบายตัวนี้เราอาจจะไปนำเสนอที่จังหวัด ที่ อบจ. หรือท้องถิ่นที่สามารถเอานโยบายเราไปใช้ได้ ให้เกิดการผลักดัน ซึ่งเราจะใช้วิธีการเชื่อมกับ กขป.เขต 8 เพื่อผลักดันนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ”
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญที่สุดยังคงอยู่ที่ "คน" การพัฒนาศักยภาพของแกนนำและหัวหน้าทีมให้มีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง จะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและขับเคลื่อนงานในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพระยะยาว