post-image

The Ocean มหาสมุทรที่ต้องข้ามผ่าน

ในยามที่ท้องนภาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดและมีดวงดาวส่องสว่างอยู่ประปราย เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว แต่กลับมีแสงลอดออกมาจากผืนผ้าม่านของหน้าต่างบ้านหลังหนึ่งใจกลางเมือง คาดเดาได้ว่าคงมีคนในบ้านยังไม่ได้เข้าสู่ห้วงนิทรา

 

เสียงขีดเขียนกระดาษดังขึ้นมาเป็นระยะจากปลายดินสอของ’ปานขวัญ’ เด็กสาววัย17 ปีที่กำลังขมักเขม้นกับการอ่านหนังสือ

 

ตริ๊ง ตริ๊ง

 

เสียงแจ้งเตือนจากนาฬิกาจับเวลาดังขึ้น ทำให้ปานขวัญถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเพราะเป็นเวลาเดียวกับที่ทำโจทย์ข้อสุดท้ายเสร็จพอดี

 

ช่วงนี้เด็กสาวอิดโรยเป็นพิเศษเนื่องจากอ่านหนังสือดึกทุกวัน  ใต้ตาที่คล้ำจากการนอนน้อยเป็นตัวบ่งบอกได้อย่างดี

 

มือเรียวดึงแว่นที่ใส่อยู่ออกวางลงบนโต๊ะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะถูกเปิดเข้ามาปรากฏเป็นร่างหญิงวัยกลางคนสวมชุดนอนสีน้ำเงินเข้ม ในมือถือแก้วกาแฟที่ผู้เป็นลูกสาวได้อ้อนให้ชงให้

 

“ช่วงนี้หักโหมไปรึป่าวลูก หน้าตาไม่แจ่มใสเลย” ผู้เป็นแม่อย่างกานดาเอ่ยอย่างห่วงใย

 

“แม่คะ ตอนที่แม่อายุเท่าหนูแม่รู้ได้ไงว่าจะสอบเข้าคณะที่อยากเข้าได้ แม่เคยกลัวคนอื่นอ่านมามากกว่าแม่ไหม หนูเครียดมาก หนูกลัวว่าวินาทีที่หนูวางดินสอ จะเป็นวินาทีเดียวกับที่คู่แข่งหนูแซงหนูไป”

ปานขวัญเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล ถึงแม้เจ้าตัวจะอ่านหนังสือตลอดและคิดว่าตัวเองทุ่มเทมากแล้ว แต่ในใจลึกๆกลับเครียดและกังวลอยู่เสมอ เอาแต่คิดว่าถ้าคู่แข่งอ่านมาเยอะกว่าจะทำยังไง ถ้าสอบไม่ติดจะทำยังไง คณะนี้จะใช่คณะในฝันจริงๆไหม เส้นทางที่ตนเลือกเดินมันถูกต้องแล้วรึป่าว ถ้าในอนาคตมองย้อนกลับมาจะเสียใจไหม คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัว

 

กานดายิ้มอ่อนโยนให้ลูกสาวก่อนจะนั่งลงที่เตียงแล้วเริ่มพูด

“ตอนแม่อายุเท่าหนูแน่นอนว่าแม่ก็มีความคิดแบบนั้นอยู่บ้าง แต่แม่ก็ผ่านมาได้”

“ยังไงคะ”

“ถ้าลองมองย้อนกลับไปตอนสอบเข้าม.ต้น หนูก็กังวลแบบนี้ แต่พอสอบเข้าได้หนูก็พบว่ามันมีทั้งเรื่องให้เสียใจและดีใจ ได้พบเจอทั้งเรื่องราวที่ดีและไม่ดี แต่สุดท้ายหนูก็ผ่านมันมาได้”

“ไม่มีใครรู้หรอกว่าเส้นทางที่เลือกเดินมันถูกต้องมากแค่ไหน ก็เหมือนชาวประมงที่เดินเรือข้ามทะเล ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ก็ทำได้แค่เพียงเชื่อมั่นในเส้นทางที่ตัวเองเลือกเดิน ถ้าลังเลและคิดมากเกินไปก็จะบังคับเรือสะเปสะปะไม่ถึงฝั่งสักที”

“ไม่ใช่แค่เรื่องเรียน แต่ในชีวิตเราจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เรื่องที่ต้องตั้งคำถามว่าทำถูกแล้วใช่ไหม จะเสียใจทีหลังไหม จากประสบการ์ณของแม่ก็คงจะบอกว่า ถ้าคิดถี่ถ้วนดีแล้วคิดตามหลักเหตุผลอย่างไม่อคติแล้ว ถ้าเห็นว่าเส้นทางนี้โอเคก็เดินเลยลูก เชื่อมั่นในเส้นทางที่ตัวเองเลือกเข้าไว้ “

“แม่คิดว่าไม่ว่าจะเลือกอะไรก็มีสิ่งที่เราต้องเสียใจและดีใจทั้งนั้น แต่ที่สำคัญคือหนูต้องยอมรับในผลของการกระทำตัวเองและปรับตัวเข้ากับมันให้ได้”

“จะว่าไปก็จริงนะแม่ เหมือนตอนหนูสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมไม่ได้หนูก็เสียใจมาก แต่พอเวลาผ่านไปหนูก็คิดว่ามันก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน มันทำให้หนูขยันขึ้น ไม่ประมาท เตรียมตัวในการสอบครั้งต่อๆไปดีขึ้นด้วย”

“ใช่ลูก ทุกเรื่องมีข้อดีข้อเสีย อยู่ที่เราจะมองหามันไหมแค่นั้นเอง”

“ส่วนเรื่องที่หนูกังวลว่าคู่แข่งจะอ่านหนังสือไปมากกว่าหนู แม่ก็อยากบอกว่าทำเต็มที่ก็พอ ทำเต็มที่ตามศักยภาพของหนู ไม่ว่าคู่แข่งของเราจะอ่านมาเยอะกว่าหรือน้อยกว่าก็ไม่ได้ทำให้คะแนนของเราลดลงหรือเพิ่มขึ้น ทั้งหมดล้วนอยู่ที่ตัวหนูเองเลย”

“โห ธรรมะแท้จริงไม่มีคำปลอบใจ จี้ดเลยอะ 5555555”

“สบายใจขึ้นไหม” กานดาถามลูกสาวที่กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่

“มากๆค่ะ เบาใจขึ้นเยอะ ต่อไปหนูจะไม่คิดมาก จะเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองเลือก คิดมากก็รังแต่จะทำเสียสมาธิเสียเวลาป่าวๆ”

 

หลังจากปานขวัญได้คุยกับผู้เป็นแม่แล้วก็สบายใจขึ้นเยอะ ประหนึ่งได้วางก่อนหินอันแสนหนักอึ้งลง

 

“งั้นแม่ไปนอนก่อนนะลูก”

“โอเคค่ะ ราตรีสวัสดิ์”

ถึงแม้จะกล่าวราตรีสวัสดิ์ไปแล้ว แต่ปานขวัญก็ยังไม่นอน นิ้วเรียวกดลงบนแป้นพิมพ์ไม่ขาดสาย

อดใจรอถึงพรุ่งนี้เช้าไม่ไหวที่จะแชร์เรื่องราวลงบล็อกส่วนตัว ที่มีผู้ติดตามไม่น้อย เผื่อว่าจะมีผู้ติดตามที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอผ่านมาเจอ และหวังว่าบทความของเธอจะช่วยให้ก้าวผ่านความยุ่งเหยิงทางความคิดและสลัดความกังวลออกไปได้บ้าง

 

หน้าจอคอมปรากฏข้อความขนาดกลางอ่านว่า                   

  ‘The ocean มหาสมุทรที่ต้องข้ามผ่าน’

ชีวิตวัยรุ่นก็เหมือนกับการเดิมทางข้ามมหาสมุทรโดยไร้เข็มทิศ ไม่รู้เลยว่าเดินทางมาถูกทิศทางไหม ไม่รู้เลยว่าจะถึงฝั่งเมื่อไหร่ “ท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ทำได้เพียงเชื่อมั่นในเส้นทางที่ตนเองเลือกเดิน”

       เชื่อว่าในชีวิตของทุกคนจะต้องได้ก้าวผ่านช่วงชีวิตวัยรุ่น วัยที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน แต่ทว่าก็แฝงไปด้วยความตึงเครียด เพราะถือได้ว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของคนเรา ในช่วงชีวิตวัยรุ่นมักจะมีคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัว เช่น เรียนสายอะไรดี เรียนต่อคณะไหนดี โตไปจะประกอบอาชีพอะไร ถ้าเลือกเรียนสายนี้ไปในอนาคตจะมีเงินเดือนสูงไหม คำถามจำพวกนี้เป็นสิ่งที่มักผุดขึ้นมาบ่อยครั้ง ซี่งมันสร้างความเครียดและความกดดันให้เป็นอย่างมาก หวาดกลัวว่าสิ่งที่ตนเลือกนั้นมันจะผิด กลัวว่าในอนาคตจะมองย้อนกลับมาแล้วเสียใจ

ผู้เขียนจึงอยากจะบอกว่าตัวผู้เขียนเองนั้นก็เป็นเช่นกัน แต่ก็ได้บทเรียนสอนใจว่า ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางไหนล้วนมีสิ่งให้เสียใจ และ ดีใจเสมอ จงเชื่อมั่นในเส้นทางที่ตนเองเลือก หากพยายามอย่างถึงที่สุดแล้วไม่สมหวัง แม้นเสียใจ แต่ก็คงไม่เสียดาย

ไม่ว่าผู้อ่านจะเจอเรื่องอะไรก็ขอให้ผ่านมันไปให้ได้

 

ราตรีสวัสดิ์

ปล.บทความนี้ขอมอบแด่เหล่าวัยเยาว์ที่เต็มไปด้วยความฝันและความหวัง

 

เรื่อง : หนึ่งภัทร

ภาพ : ประภัสสุทธ