ลมเพ ลมพัด บทกวีมีเด็กๆ
“ลมเพ ลมพัด”
“พัดอะไร” เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ ร้องขานรับประโยคขึ้นต้นเกมสนุกๆที่พวกเขาคุ้นเคย
ลมเพ ลมพัด พัดเรื่องราวมากมาย
สายลมเย็นสบาย คลายความทุกข์ร้อนใจ
......
ตามด้วยเสียงเพลงในท่วงทำนองง่ายๆ เคล้าคลอเสียงกีต้าร์ที่ค่อยๆเพิ่มจังหวะขึ้นเรื่อยๆ ทักทายลมหนาวต้นฤดูที่เพิ่งมาเยือนในปีนี้
เพลงลมเพลมพัดเป็นผลงานที่พวกเราช่วยกันแต่งขึ้นมาตามอารมณ์ความรู้สึกหลังจากเราเล่นเกมชื่อเดียวกันเมื่อหลายเดือนก่อน
ลมเพลมพัด พัดเมฆน้อยลอยไป
ลอยล่องไกลแสนไกล ถึงหิมาลัย ปลายยอดงาม….
ท่อนที่สองของเพลงนี้เป็นผลพวงจากกิจกรรมนอกสถานที่ที่พวกเราพากันออกไปนั่งดูหมู่เมฆ สังเกตปรากฎการณ์บนท้องฟ้าแล้วนำมาวาดเป็นภาพผ่านเทคนิคสีน้ำที่เด็กๆชื่นชอบกันมากเรียกได้ว่าชอบมากกว่าเทคนิคอื่นๆเลยก็ว่าได้
“วันนี้เราจะแต่งบทกวีกัน” ผมประกาศแจ้งเด็กๆ หลังจากร้องเพลงท่อนที่สองจบและเวียนร้องตั้งแต่ต้นวนมาอีกครั้งจำนวนสองรอบ ที่ต้องร้องวนแบบนี้ด้วยเหตุผลว่าเพลงนี้ยังแต่งไม่จบ ถ้าจะให้เพลงน่าฟังและสมบูรณ์ขึ้นเราจำเป็นต้องแต่งเพิ่มอีกสักสองท่อน ต่อจาก ..ถึงหิมาลัยปลายยอดงาม...
“บทกวีแบบไหนหรือครับ” เด็กชายเกล้า ป.3 (เราชอบเรียกชื่อเขาว่าเกล้าเล็ก เพราะมีคนชื่อออกเสียงว่าเก้าสองคน เกล้าเล็ก กับ ก้าวใหญ่)
“บทกวีแบบในหนังสือความลับของทะเล” ผมกำลังพูดถึงหนังสือรวบรวมบทกวีแบบกลอนเปล่าประกอบภาพวาดของของเด็กๆชาวไต้หวัน ชื่อว่า ‘ความลับของทะเล’ โดยนักเรียนโรงเรียนประถมไฮป่าว(พิมพ์ครั้งแรก เดือนมีนาคม 2527 สำนักพิมพ์เรจีนา / เรืองรอง รุ่งรัศมี แปล) เป็นหนังสือที่ผมมักจะหยิบมาให้เด็กเวียนกันอ่านออกเสียงและสังเกตความคิดความรู้สึกของนักเรียนในหนังสือเล่มนี้อยู่บ่อยๆ
กระบวนการเริ่มต้นขึ้นด้วยการหาอาสาสมัครอ่านออกเสียงสักคนโดยเลือกอ่านบทไหนก็ได้ตามความสบายใจ ผมจำได้ตอนแรกๆ เวลาที่ต้องหาอาสาสมัครอ่านออกเสียงให้เพื่อนฟังแบบนี้เด็กทุกคนจะอิดออดไม่มีใครยอมอาสาแต่พอชี้ตัวหรือโดยครูเป็นคนเลือกเอง พวกเขาก็สามารถอ่านได้ ช่วงหลังๆมานี้เด็กๆมักจะแย่งกันอาสาแม้แต่เด็กที่ยังอ่านหนังสือไม่ออกก็พลอยอยากอาสากับเขาด้วยโดยเขาจะอ่านแบบเล่าเรื่องจากภาพซึ่งผมรู้สึกว่าสนุกว่าเรื่องที่อยู่ในหนังสือจริงๆเสียด้วยซ้ำ
“ผมอาสาคนครับ” เกล้าเล็กยกมือก่อน
“อุ้ย เกล้า” เสียงเพื่อนร้องเรียกชื่อเกล้าลากเสียงยาวพร้อมกัน แบบประมาณประท้วงว่าเกล้ายังอ่านไม่คล่องให้คนอื่นอ่านก่อนดีกว่าไหม แต่เกล้ายืนยันที่จะอาสาเป็นคนแรก อาจจะเป็นเพราะหนังสือความลับของทะเลเวอร์ชั่นใหม่ที่ห้องสมุดของเราเพิ่งได้มาสดๆร้อนๆ เป็นเล่มขนาดขยายใหญ่ขึ้นมีภาพประกอบสี่สีสวยงามดึงดูดสายตาเด็กๆเป็นอย่างดี
เมฆกับลม
เมฆเหมือนสาวน้อย
ชอบเล่นซ่อนหากับภูเขา
ลมเห็นแล้วอิจฉามาก
ก็เลยมาแย่งเอาเมฆไป
เด็กชาย อู๋ คุน เหยียน ชั้น ป.5 ก
เด็กชายเกล้า ป.3 อ่านแบบตะกุกตะกักแถมยังขอซ้อมอ่านก่อนอยู่หลายรอบ ดีที่พี่ๆช่วยบอกคำว่ายากๆเช่นคำว่า อิจฉา เป็นต้น หลังจากซ้อมเกล้ายังอ่านผิดหลายคำจนรอบสุดท้ายเขาก็อ่านได้ทุกคำอย่างถูกต้อง เขายิ้มอย่างภาคภูมิใจ
ผมใช้วิธีสอนเขียนบทกวี(กลอนเปล่า)จากการถอดโครงสร้างบทกวีในหนังสือ อย่างบทนี้พูดถึงใครกับใคร อาจจะเป็นเรากับเพื่อน เรากับสัตว์เลี้ยงหรือสิ่งที่เราอยากจะเอ่ยถึง แล้วเขียนออกมาเป็นชื่อเรื่อง (เมฆกับลม) จากนั้นให้เด็กๆเริ่มบรรทัดแรกจากการเปรียบเทียบว่าสิ่งที่เราเลือกมาเป็นคำแรกสามารถเปรียบเทียบกับอะไรได้บ้างโดยไม่จำกัดความคิด เด็กๆ สามารถเปรียบเทียบแบบจินตนาการหลุดโลกออกไปเลยก็ได้ พอเปรียบเทียบเสร็จให้เขียนในบรรทัดที่สองว่าคำที่เราเลือกมาในบรรทัดแรกเขาชอบอะไร ชอบทำ ชอบเล่น ชอบกิน ฯลฯ ตอนนี้เราก็จะได้ฝึกเล่าเรื่องถึงใครที่เป็นบุคคลหรือสัตว์ สิ่งของด้วยความรู้สึกผ่านการเปรียบเทียบ
มาถึงบรรทัดที่สามบ้าง เราจะเปลี่ยนมาเขียนถึงอีกคนหรืออีกอย่างที่เป็นคำที่สองในหัวข้อของเราบ้าง ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเรา เป็นความรู้สึกที่เขาสะท้อนความเป็นเราทั้งมุมบวกและมุมลบ ตามด้วยบรรทัดที่สี่ว่าพอเขารู้สึกต่อเราแล้วเขาปฏิบัติต่อเราอย่างไร จบกระบวนการแบบซับซ้อน
ฟังดูแล้วกระบวนการแบบนี้อาจจะดูเข้าใจยาก ซับซ้อนด้วยกลไกอะไรบางอย่างไม่น่าจะใช้กับบทกวีที่มีความเป็นอิสระของความคิด แต่กรณีนี้เป็นการฝึกที่เน้นให้เด็กๆ เชื่อมโยงตัวเองกับสิ่งอื่นหรือสะท้อนความเป็นตัวเองและสิ่งที่เขาปฏิสัมพันธ์ด้วยผ่านตัวหนังสือ ซึ่งสำหรับเด็กเล็กๆ ที่ยังเขียนไม่ได้อย่างน้องกวาง อนุบาล 2 และ น้องสตางค์ ป.1 ครูจะทำหน้าที่ช่วยถามและเขียนคำลงกระดาษให้
ต่อไปนี้เป็นผลงานการเขียนบทกวีของเด็กๆ ห้องสมุดแมวหางกิ้นส์กันครับ
กวางกับแรมโบ้
ฉันชอบกวางที่มีเขา
เหมือนกิ่งไม้แห้ง เตี้ยๆ
แรมโบ้(วัวน้อย)รู้สึกตื่นเต้นที่เห็นกวาง
แรมโบ้ วิ่งหนี.
ด.ญ.กวางจิรัญญา จันทร์ส่อง /อนุบาล 2/1ร.ร.อนุบาลน้องหญิง
ผมกับปีโป้
ผมชอบดูโท ละ สับ
เหมือนจะละสายตาจากมันไม่ได้
ปีโป้เป็นหมาของผม
มันรู้สึกเครียด
เพราะมันไม่อยากให้ผมเล่นโทละสับ
มันยืนเห่าอยู่นาน.
ด.ช.เกล้า ร่มเกล้า บันทร /ป.3 ร.ร.บ้านยางกะเดา
นิดกับน้อย
นิด ชอบขโมยไก่ในเล้า
เหมือนเป็นสมบัติล้ำค่า
น้อยก็ชอบขโมยไข่เหมือนกัน
แต่ น้อยชอบไล่ไก่ออกจากรัง
วุ่นวายไปหมดเลย.
ด.ญ.หมิง หมิง ปัทมวรรณ บันทร /ป. 4 ร.ร.อนุบาลลูกรัก
การฝึกเขียนบทกวีเป็นกิจกรรมง่ายๆ ที่ฝึกการเชื่อมโยง ฝึกทบทวนปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กๆกับสิ่งที่เขาผูกพันด้วยและยังช่วยฝึกทักษะการคิด การเขียน การแสดงออกทั้งความคิดและการนำเสนอผลงานต่อสาธารณะ หลังจากเขียนบทกวีเสร็จเด็กๆ วาดภาพประกอบด้วยสีน้ำได้ผลงานออกมาเป็นการ์ดสวยๆ ที่มีทั้งภาพและคำสอดคล้องกัน ก่อนนำไปจัดแสดงและอ่านผลงานของตัวเองให้เพื่อนๆฟัง
ก่อนจบกิจกรรมนี้ผมสรุปกับเด็กๆทุกคนว่า “ถ้าเราเขียนบทกวีแบบนี้ได้เราก็แต่งเพลงลมเพลมพัดให้จบได้ ว่ามั๊ย?”
“งั้นเราแต่งเพลงถึงเพื่อนๆที่ไม่ได้มาวันนี้กันไหมคะ” หมิง หมิง เสนอความคิดนี้ขึ้นมา เธออาจจะนึกถึงเพื่อนอย่างโกโก้ ที่เดินทางไปหาพ่อแม่ตอนปิดเทอมที่กรุงเทพฯ หรืออาจจะ นึกถึงไอคิว นึกถึงพี่อลิช เพื่อนต่างอำเภอที่เคยมาเล่นด้วยกัน คราวก่อน เราจึงช่วยกันแต่งลมเพลมพัดตอนจบว่า
ลมเพลมพัด พัดให้เธอกับฉัน เรายังเป็นเพื่อนกัน แม้ไม่เจอกันนาน
ลมเพลมพัด พัดไปถึงวันวาร เก็บความสุขสำราญ ส่งถึงเพื่อนทุกคน
“ร้องท่อนท้ายอีกรอบนึง”
ลมเพลมพัด พัดไปถึงวันวาร เก็บความสุขสำราญ ส่งถึงเพื่อนทุกคน.
เรื่อง : คะทาวุธ แวงชัยภูมิ
ภาพ : ประภัสสุทธ