ฮีลใจ
“อะไรวะ อันนั่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ พี่เขียนโครงการมากับมือ ทำไมจะไม่รู้ อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เถียงคำไม่ตกฟาก เก่งกันแล้วนี่ เก่งกันนักก็ทำเองละกัน” เขาพูดกระชากๆ น้ำเสียงห้วนเครียด แสดงอาการพลุ่งพล่านเหมือนคนเหลืออด กระแทกปิดจอโน๊ตบุ๊คเสียงดัง รู้สึกหงุดหงิด รำคาญ จนทนไม่ไหวหลังจากหารือกันได้ไม่ถึงยี่สิบนาที เขาผลุดลุกยืนเก็บของใช้ลงกระเป๋าทำงาน ผลุนผลันออกจากห้องประชุมไป ปล่อยให้เพื่อนรุ่นน้องที่นั่งหารือร่วมก้น 2 คน อึ้งเงียบกันอยู่อย่างนั้น มันเป็นอุบัติทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด
อากาศร้อนอบอ้าวนอกห้องประชุมทวีความรุ่มร้อนยิ่งขึ้น ต้นไม้ใบหญ้าที่เคยอ่อนโยน งดงามในสายตา ยามนี้เหมือนมันยืนต้นเหี่ยวเฉาตายซาก คลื่นอารมณ์ถาโถมกระแทกกระทั้นอยู่ในห้วงคิดคำนึงราวกับพายุร้ายกำลังโหมกระหน่ำฟัดฟาดสรรพสิ่งให้แหลกลาญ นี่แหละหนาอารมณ์ยามร้อนมันก็ร้อนแรงเป็นไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญความดีงามที่สร้างทำมามอดมลายหมดสิ้น
“งาน” ที่ต้องทำร่วมกับ “คน” อื่น ไม่ว่าจะเป็นงานอะไร ที่ไหนๆ ก็มักจะพบเจอกับความเห็นที่แตกต่าง ท่าทีที่ไม่เป็นมิตรเข้ามากระทบใจเราอยู่เสมอ โดยเฉพาะงานพัฒนาชุมชนสังคมที่ต้องทำงานร่วมกับผู้คนจำนวนมาก ซึ่งแต่ละคนมีที่มาแตกต่าง หลากหลาย และยังต้องทำงานด้วยกระบวนมีส่วนร่วม ตั้งแต่ร่วมกันคิด ร่วมกันวางแผน ร่วมกันดำเนินการ ร่วมกันติดตาม และร่วมกันรับผิดรับชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น การทำงานแบบมีส่วนร่วมทุกขั้นตอบแบบนี้ ก็ยิ่งเจอะเจอกับความเห็นที่แตกต่าง เกิดความขัดแย้งในความรู้สึก อยู่ตลอดเวลา วันไหนเตรียมใจมาดี จิตใจหนักแน่น มีความพร้อมที่จะเผชิญกับเรื่องราวความเห็นต่าง ก็สามารถควบคุมอารมณ์ได้ รู้จังหวะผ่อนหนักผ่อนเบา รู้เลยว่าวันนั้นต้องใช้ความอดทนสูง ต้องมีสติรู้ตัว จึงจะสามารถยับยั้งชั่งใจประนีประนอมกับความเห็นต่างได้อย่างราบรื่น ถ้าเป็นงานที่ต้องแสดงบทบาทการนำ เป็นหัวหน้างาน ก็จะนำพาทีมและผู้คนรอบข้างผ่านไปด้วยกันอย่างเริงร่า สนุกสนาน มีความสุข แต่ถ้าวันไหนรักษาอารมณ์ให้สมดุลไม่ได้ สติหลุด อุบัติเหตุทางอารมณ์ก็มักจะเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด หนักบ้าง เบาบ้างแล้วแต่ความเครียดเขม็งเกลียวของอารมณ์ ซึ่งไม่มีใครปรารถนาให้มันเกิดขึ้น
“เฮ้ย..พี่ พี่รู้จักน้องมันมานานแค่ไหนแล้ว กว่าจะมาถึงวันนี้ ทำอะไรดีงามร่วมกันมามากมาย คิดถึงความดีงามที่ทำร่วมกันมาบ้างดิ แค่เรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร พี่จะทิ้งไปไม่ได้นะ งานนี้ยังต้องการพี่” เขานั่งทอดอารมณ์อยู่กับกาแฟอุ่นๆ อารมณ์พลุ่งพล่านค่อย ๆ ตกตะกอนลงไปนอนอยู่ก้นบึ้งกลางแก่นใจ คำพูดของเธอคอยช่วยฮีลใจเขาอยู่ปลายสายชวนให้คิดอยู่ไม่น้อย “รู้จักกันมาเนิ่นนาน มีความดีงามตั้งเยอะแยะ ทำไมเวลานี้เราจึงไม่คิดถึงมันเลย ทำไมในห้วงคิดคำนึงจึงมีแต่ความรู้สึกเบื่อหน่าย ชิงชัง ไม่ชอบขี้หน้า ไม่อยากทำงานด้วย อยากไปให้พ้นๆ อืมม...” เขารู้สึกเครียด ไม่ชอบอารมณ์แบบนี้เลย ถ้ามีอารมณ์แบบนี้เกิดขึ้นมันจะวนเวียนอยู่กับเขานาน เป็นห้าวันเจ็ดวันกว่าจะเลือนหายไป จนเพื่อนเคยบอกว่าเขามี “วิญญาณคลั่งเศร้า” อยู่ในตัว ถ้าพูดกันในภาษาแห่งยุคสมัย เขามีอาการที่จัดอยู่ในกลุ่มคนที่มีภาวะ “เครียดและซึมเศร้า” นั่นเอง
เวลานี้เขาเป็นนักพัฒนาอิสระ ไม่สังกัดองค์กร ทำงานตามความสนใจของตัวเอง พอใจก็ทำ ไม่พอใจก็ไม่ทำ เลือกทำงานที่มีความท้าท้าย น่าสนุก มีทีมงานที่ทำงานด้วยกันแล้วมีความสุข และรู้สึกได้ว่าอยากทำ ชีวิตของเขาเลยวันผ่านวัยที่ต้องอดทนเพื่อให้มีงาน มีเงิน มีรายได้เลี้ยงชีพไปแล้ว ความอดทนต่อความเห็นต่างในการทำงาน และการใช้ชีวิต รวมทั้งท่าทีที่ไม่เรียนรู้ของคู่สนทนาจึงเหลือน้อย ทั้ง ๆ ที่พื้นฐานเขาเป็นคนที่รับฟังคน มีความละเอียดอ่อน ไม่ใช่คนกร้าวร้าว หยาบคายอะไร เพียงแต่เวลาของเขาเหลือน้อยแล้ว เขาจึงเลือกทำในสิ่งที่สัมผัสได้ว่าตัวเองมีคุณค่า มีความหมาย
วันนั้นเขาไม่ได้เตรียมใจที่จะเผชิญกับความเห็นต่าง ไม่พร้อมที่จะรับมือกับท่าทีไม่เรียนรู้ของคู่สนทนา สติเขาหลุด ตอบโต้กับความเห็นต่างด้วยอารมณ์ที่รุ่มร้อน และความรู้สึกไม่พอใจ เขาขาดสติ ขาดการยับยั้งชั่งใจ สถานการณ์รายรอบตัวขณะนั้นจึงตึงเขม็งเครียดไปหมด
“พี่อย่าให้ปล่อยอารมณ์ขุ่นมัวมันขยายตัวนะ พี่ยิ่งมองหาความผิดพลาด พี่ก็ยิ่งมองเห็นความไม่ถูกต้องของเขาเยอะแยะไปหมด ลองมองหาคุณค่า ความหมายในงานที่ทำให้เจอซิ ใช้คุณค่า ความหมาย ความท้าทายในงาน เคลียร์ใจตัวเองให้มันจบไปโดยเร็วนะ” เวลานั้นเขาไม่รู้สึกว่าคำพูดของเธอจะมีสาระอะไร จิตใจของเขายังคงทุรนทุราย หงุดหงิด งุ่นง่าน ไม่หยุดนิ่ง เขารู้ว่าต้องเครียดต่อเนื่องไปอีกหลายวันกว่าจะอารมณ์นี้จะค่อยๆ สงบลง
ค่ำคืนเขานอนครุ่นคิดถึงบทสนทนาสั้นๆ เมื่อตอนบ่าย “พี่รู้จักน้องมันมาเนิ่นนานแค่ไหนแล้ว กว่าจะมาถึงวันนี้ทำอะไรดีงามร่วมกันมามากมาย คิดถึงความดีงามที่ทำร่วมกันมาบ้างดิ แค่เรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร พี่จะทิ้งไปไม่ได้นะ งานนี้ยังต้องการพี่” มันก็จริงอย่างที่ว่ามีความสัมพันธ์นานมา มีความดีงามเกิดขึ้นระหว่างกัน ก็สุดที่จะบรรยายได้หมด “พี่อย่าให้ปล่อยอารมณ์ขุ่นมัวมันขยายตัวนะ พี่ยิ่งมองหาความผิดพลาด พี่ก็ยิ่งมองเห็นความไม่ถูกต้องของเขาเยอะแยะไปหมด ลองมองหาคุณค่า ความหมายในงานที่ทำให้เจอซิ ใช้คุณค่า ความหมาย ความท้าทายในงาน เคลียร์ใจตัวเองให้มันจบไปโดยเร็วนะ” อันนี้ก็จริงอีก มีประโยชน์อะไรที่จะปล่อยให้จิตใจตัวเองขุ่นมัว ปล่อยให้อารมย์เสียเผาใจตัวเองอยู่ทำไม ความรู้ความสามารถซิ ที่จะช่วยหนุนเนื่องงานที่ทำร่วมกันได้ “โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า” วลีนี้มันผลุดขึ้นมาในห้วงคิดคำนึงก่อนที่เขาจะหลับไป
เช้าวันนั้นเขาเด้งตัวขึ้นจากที่นอน สูดลมให้ใจลึกยาวเต็มปอดแล้วระบายออกยาวเหยียด บอกกับตัวเองว่า “เช้านี้จะกลับไปขอโทษ และเริ่มต้นกันใหม่” เขารู้สึกสดชื่นเหมือนคนคิดเรื่องหนักๆ ตกแล้ว เขายอมรับว่าคำพูดฮีลใจของเธอ และวิธีการจัดการจิตใจตัวเอง โดยการทบทวนตัวเองเงียบๆ แบบนี้มันช่วยให้เขาผ่านพ้นภาวะเครียด หดหู่ ท้อแท้ได้อย่างรวดเร็ว กลับมามีความรู้สึกที่สดชื่น คิดงานอย่างมีพลังได้อย่างรวดเร็ว
“เมื่อเช้าพี่ไปขอโทษน้องเขาเรื่องเมื่อวาน คุยกับเขาใหม่ล่ะ” เขาเล่าเรื่องผ่านโทรศัพท์ให้เธอฟัง เธอชวนเขาคุยถึงแนวทางการใช้ชีวิตประจำวันอีกหลายเรือง มันเป็นแง่มุมง่าย ๆ ที่เขาไม่เคยมองมาก่อน คงเป็นเพราะเขาเปิดใจที่จะฟัง ฟังอย่างตั้งใจที่จะเรียนรู้ ทำให้เขาเห็นอารมณ์ ความคิด จิตใจ ของเขา วิบไหวอยู่ตลอดเวลา เขาเรียนรู้ที่จะตามดูแลใจของตัวเอง ท่ามกลางแรงกระแทกที่วิ่งเข้ามากระทบใจในชีวิตประจำวันของเรา ครั้งแล้ว ครั้งเล่า เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าภาวะเครียดของเขามีความเสี่ยงจะที่เป็นปัญหาสุขภาพจิต
ปัญหาสุขภาพจิตแอบซ่อนอยู่ในทุกเพศ ทุกวัย เด็กวัยรุ่นมีภาวะเครียด ซึมเศร้าจากการเรียน ความรัก คนทำงานมีภาวะเครียดในการดำเนินชีวิต การทำงาน หนี้สิน ผู้สูงอายุเครียดเนื่องจากอยู่ตามลำพัง ไม่มีคนดูแล นอกจากนี้ปัญหาสุขภาพจิตยังเกี่ยวพันกับสุขภาวะด้านอื่นๆอีกด้วย เด็กและเยาวชนในระดับมัธยมมีภาวะเครียด ไม่มีความสุขกับระบบการเรียนการสอนเนื่องจากระบบมีการแข่งขันกันสูง นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยมีความเครียดจากความยากจนของครอบครัว คนในชุมชนมีภาวะเครียดเนื่องจากภาวะหนี้สิน พึ่งพาใจตัวเองไม่ได้ก็หันไปพึ่งยาเสพติต และอบายมุขอื่นๆ ยิ่งทำให้มีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น ปัญหาก็ยิ่งขยายตัวมากขึ้น บางคนมีภาวะเครียดจนต้องพึ่งยา พึ่งหมอ ซึ่งนักสุขภาพจิตเห็นตรงกันว่าไม่ใช่ทางแก้ปัญหา การ “สร้างภูมิคุ้มใจ” ให้ได้ต่างหาก จึงจะเป็นการแก้ที่ต้นเหตุ
การสร้างภูมิคุ้มใจตัวเองทำได้ง่ายๆ สามารถตั้งต้นได้จากตัวเราเอง คนที่ตกอยู่ในภาวะเครียด จริงๆก็ไม่ต้องการให้ใครมาช่วยแก้ปัญหาอะไรให้ เพียงแค่ต้องการคนรับฟังอย่างเข้าใจมากกว่า ซึ่งต้องมีพื้นที่ปลอดภัยที่สามารถรับฟังกันได้อย่างเปิดเผย จริงใจ ใส่ใจกัน และปล่อยให้เกิดการจัดการภายในจิตใจ คลี่คลายภาวะเครียดของตนเองด้วยตัวเองเป็นลำดับไป แต่ก่อนที่จะไปถึงภาวะเครียดก็มีเครื่องมือควบคุมตัวเองที่น่าสนใจหลายเครื่องมือ เช่นการสร้างพื้นที่ที่มีความสุข “ให้อภัยแล้วเดินต่อ” การเช็คใจตัวเองในแต่ละวัน วันละหลายๆครั้ง เราจะพบว่ามีเรื่องที่มากระทบใจเราทั้งดีและไม่ดีมากมาย ถ้าไม่ดีก็อย่าปล่อยให้มันขยายตัว ต้องจัดการระหว่างวันให้จบไปเลย การบอกรักตัวเอง คุณค่าของเรามีมาแต่เกิด รักตัวเองให้เป็น ใช้ชีวิตในแต่วันให้เป็นธรรมดา ขอบคุณตัวเองในแต่ละวัน แบ่งความรักให้กับคนรอบข้าง คำขอบคุณ คำขอโทษ เป็นคำที่มีค่าต่อจิตใจมาก เหล่านี้เป็นเครื่องมือควบคุมตัวเองที่อยู่ติดตัวของแต่ละคน และนำไปใช้ได้ง่ายๆ นอกจากนี้เมื่อเข้าใจแล้วเรายังสามารถช่วยดูแลคนที่อยู่รอบข้างได้ด้วย
เขารู้สึกขอบคุณเธอ ที่เธอเข้ามาช่วย “ฮีลใจ” ประคับประคองอารมณ์ในยามที่เขาตกอยู่ในภาวะเครียด ให้เวลาคุณภาพกับเขา รับฟังเขาอย่างจริงใจ คอยย้ำเตือนให้เขาปรับตัวเปลี่ยนใจจากภายในของตัวเอง ช่วยแนะแนวทางการสร้างความหวัง เติมพลังใจ ให้ตัวเองด้วยวิธีการง่ายๆ อยู่เสมอ ทำให้เขารู้จักเก็บรับ รู้จักปล่อยวาง รู้จักอดทนต่อความแตกต่างหลากหลาย ถึงวันนี้เขาพอจะมีเครื่องมือ มีวิธีการดำเนินชีวิตในแต่ละวันให้รอดพ้นจากอุบัติเหตุทางอารมณ์ของตัวเองได้ดีกว่าเดิมมากขึ้น และยังแบ่งปันแนวทางการดำเนินชีวิตในแต่ละวันอย่างง่ายๆ เริงร่า สนุกสนาน มีพลัง ให้คนรอบข้างด้วย ขอบคุณนะ
เรื่อง : คำเพียง ร่องลำมูล
ภาพปก : ประภัสสุทธ