แหล่งเรียนรู้ : ขยะและสิ่งแวดล้อม

ชุมชนจัดการน้ำเสียจากสีย้อมไหม

author

ผู้รับผิดชอบติดต่อประสานงาน : นายนครินทร์ สินสุวงค์วัฒน์

ที่อยู่ : 210 หมู่ที่ 1

กิจกรรมเด่น/น่าสนใจ

การย้อมสีเส้นไหม คือ กรรมวิธีทำให้ผ้าไหมมีสีต่าง ๆ โดยนำปอยหมี่ที่มัดหมี่เรียบร้อยแล้วไปย้อมสีในน้ำเดือด โดยสีย้อมไหมที่มีคุณภาพดี สำหรับกลไกการลอกกาวไหมจะเกิดจากสภาวะของ sericin เมื่อถูกน้ำ และได้รับอุณหภูมิสูงจะเกิดการอ่อนตัว พร้อมกับในสารละลายจะเติมโซดาแอซทำให้เกิดสภาวะเป็นด่าง เกิดการละลายของ sericin ที่เป็นกาวเคลือบเส้นไหมหลุดออก นอกจากนั้นการเติมสารกันด่าง (ภาษาเรียกของชาวบ้าน) หรือสารจำพวก Wetting agent ที่ทำหน้าที่ช่วยนำพาสารละลายแพร่กระจายเข้าสู่ภายในเส้นใยได้ดีทำให้สามารถ ลอกกาวไหมได้อย่างหมดจด การย้อมสีไหมด้วยการใช้สีสังเคราะห์หรือสีเคมี เป็นสีที่มีความบริสุทธิ์ของตัวสีมาก สามารถนำสีเหล่านั้นมาผสมให้ได้สีตามที่ต้องการและปรับระดับความเข้มของสีได้ วิธีการย้อมทำได้ง่ายและสะดวก สีที่ย้อมได้จะมีความสดสวยและมีความทนทานของสีดี สีสังเคราะห์ที่นำมาย้อมมีหลายประเภท แต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติของสีย้อม กรรมวิธีการย้อม คุณภาพสีย้อมที่แตกต่างกัน ดังนั้น การนำมาใช้ประโยชน์จะต้องให้เหมาะสม อันตรายจากสีย้อมผ้าและสารปนเปื้อนในสีย้อมผ้าเช่นโลหะหนักสีย้อมผ้า เป็นสีที่มีสารพิษ เช่น โครเมียม, ตะกั่ว, ปรอทและสารหนูเจือปนสารซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้เกิดน้ำเสียได้ หากโลหะหนักมีการสะสมในร่างกายเป็นเวลานานๆ จะก่อให้เกิดอนุมูลอิสระหรือ Oxidative stress ที่เป็นอันตรายต่อเซลล์ส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพิ่มความเสี่ยงต่อการก่อให้เกิดกลุ่มโรคเรื้อรังเช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคอัลไซเมอร์ และโรคมะเร็ง เป็นต้นโดย อันตรายส่วนใหญ่เกิดจากสีสังเคราะห์ทางเคมีซึ่งผู้ผลิตบางคนมักใช้สีย้อมผ้า หรือสีย้อม กระดาษ ซึ่งมีโลหะหนักพวก ตะกั่ว ปรอท สารหนู สังกะสี โครเมี่ยม ปะปนอยู่ซึ่งทำให้ เกิดผลต่อร่างกาย ดังนี้ ตะกั่ว: ระยะแรก จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียเบื่ออาหารปวดศีรษะ โลหิตจาง ถ้า สะสมมากขึ้นจะมีอัมพาต ที่แขน ขา เพ้อ ชักกระตุก หมดสติ ในระดับเขตเทศบาลตำบลชนบท มลภาวะจากการย้อมไหม จากจำนวน 3,299 ครัวเรือ มีครัวเรือนที่มีอาชีพที่เกี่ยวกับการย้อมไหม จำนวน 137 ครัวเรือน และในจำนวนนี้มาครัวเรือนที่ทำเป็นอาชีพรับจ้างย้อม จำนวน 8 ราย น้ำเสียจากครัวเรือนที่เป็นน้ำเสียจากสีย้อมไหม ครัวเรือนทุกครัวเรือนจะเทน้ำสีย้อมไหมลงในร่องระบายน้ำของเทศบาลแล้วไหลลงสู่หนองกองแก้ว รวมแล้วมีทุกชุมชน และส่วนใหญ่ ไม่มีการจัดการนำเสียจากสีย้อมไหม เป็นความมักง่ายที่ทำแล้วมักเทลงร่องระบายน้ำ หรือสาดเทลงบนพื้นดิน ทำให้เกิดปัญหา เช่น กลิ่น เกิดการร้องเรียน ในปี 2565 มีเหตุการณ์ร้องเรียนจำนวน 4 ครั้ง และทำให้น้ำเน่าเสีย บริเวณปลายท่อร่องระบายน้ำของทางเทศบาลที่ไหลลงสู่หนองกองแก้ว จำนวน 9 จุด ทำให้บริเวณนั้นมีวัชพืชขึ้นสวยงามกว่าปกติ และจะส่งกลิ่นเหม็น และทำให้ผู้ที่ลงน้ำบริเวณนั้นมีอาการแพ้มีผื่นคันขึ้นตามร่างกาย ในระดับหมู่บ้าน จากการสำรวจสถานการณ์น้ำเสียจากสีย้อมไหม ชุมชนจันตะประเทศชุมชนจันตะประเทศ ตำบลศรีบุญเรือง อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลศรีบุญเรือง อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น 2566 พบว่าปัญหาสถานการณ์สารพิษ สารเคมีจากสีย้อมไหมในชุมชนมีความสำคัญกับผลกระทบที่เกิดขึ้น ด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะหนองกองแก้ว ที่ส่งผลถึงการไม่รับประทานปลาที่มาจากแหล่งน้ำนี้ ลักษณะของสัตว์น้ำมีลักษณที่มีความจากจากปลาทั่วไป โดยจะมีสีเข้มและเนื้อปลาแข็งกระด้าง ทำให้ไม่มีการชื้อขายในชุมชน ส่งผลให้ประชาชรที่มีอาชีพหาปลาขาดรายได้ และ มีผลกระทบกับสุขภาพคือ การมีสุขภาพของคนในชุมชนที่คิดว่า ป่วยเป็นมะเร็ง และเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น โดยปัญหาด้านสุขภาพของคนในพื้นที่ตำบลชนบท พบโรคที่เป็นมาก 3 อันดับคือ (1) การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนเฉียบพลัน จำนวน 989 คน คิดเป็นร้อยละ 12.37 (2) โรคจากไวรัสอื่นๆ ไข้หวัด จำนวน 757 คน คิดเป็นร้อยละ 10.53 (3) โรคความดันโลหิตสูง จำนวน 357 คน คิดเป็นร้อยละ 9.46 (4) โรคเบาหวาน มีประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป (จำนวน 6,873 คน) ด้านพฤติกรรมเสี่ยงที่ส่งผลต่อสุขภาพ 3 อันดับ ได้แก่ 1) ดื่มสุราเป็นประจำ 653 คน คิดเป็นร้อยละ 9.50 2) สูบบุหรี่เป็นประจำ 517 คน คิดเป็นร้อยละ 7.52 3) ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย จำนวน 678 คน คิดเป็นร้อยละ 9.86 ตามลำดับ (ข้อมูลจาก โรงพยาบาลชนบท ปี 2565) และปัญหาโรคเรื้อรัง (NCDs) ที่พบเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารของประชาชนที่มักชื้ออาหารสำเร็จรูปจากตลาดสดเทศบาลมารับประทาน ปี 2563-ปัจจุบันมี ผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง ในระดับ ตำบล 19 ราย (ข้อมูลจากโรงพยาบาลตำบลชนบท ) โดยมีแหล่งที่เป็นบริเวนน้ำเสียไหลลงแหล่งน้ำ 4 จุด ทำให้เกิดการเน่าเสียของน้ำ และคาดว่าจะขยายวงกว้างออกไปโดย บริเวณน้ำที่ปล่อยลงจะมี พืชที่เกิดขึ้นสวยงามและเขียวกว่าปกติ และมีโคลนที่สีนำและน้ำจะคัน ทำให้ผู้ที่ลงน้ำบริเวนนี้มีการการคัน แพ้ ผื่นขึ้น และพบว่ามีจำนวนครัวเรือนทั้งหมด 120 ครัวเรือน ที่ไม่มีการจัดการน้ำครัวเรือน ทำให้ไหลลงสู่แหล่งน้ำสาธารณและมีผู้ประกอบอาชีพทำผ้าไหมและเกี่ยวกับการย้อมไหมจำนวน 22 ครัวเรือนที่ไม่มีการจัดการน้ำเสียจากสีย้อมไหม และเทลงร่องระบายน้ำสาธารณะลงสู่แหล่งน้ำ สำหรับภาพรวมการจัดการน้ำเสียในชุมชนพบว่า ไม่มีการจัดการ โดยบ้านเรือนและชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ดำเนินการไม่มีการจัดการทำให้น้ำเสียจากสีย้อมไหมไหลลงสู่แหล่งน้ำโดยตรง ประมาณ น้ำสีย้อมไหมที่ไหลลงสู่แหล่งน้ำหนองกองแก้ว ประมาณวันละ 440 ลิตรต่อวัน ไม่รวมน้ำใช้จากครัวเรือน จากข้อมูลสถานการณ์ปัญหาน้ำเสียครัวเรือนดังกล่าว หากยังไม่ได้รับการแก้ไขที่จริงจังต่อเนื่องตั้งแต่ระดับครัวเรือนชุมชนจนถึงระดับท้องถิ่น หรือ จังหวัดก็อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและสุขภาวะของประชาชนที่รุนแรงเพิ่มขึ้นในระยะยาว ดังนั้น การสร้างความตระหนัก ความเข้าใจ และความรับผิดชอบของสมาชิกในครัวเรือนชุมชนและชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาจึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด ในการแก้ปัญหาน้ำเสียจากครัวเรือนโดยเฉพาะน้ำสีย้อมไหม

Latitude : 16.0503 Longitude : 102.3707

0830599942

Line ID : 0830599942


ภาพถ่ายเล่าเรื่อง :


คลิปวิดีโอเล่าเรื่อง :

แผนที่ตั้งแหล่งเรียนรู้ :